ทาจิกิสถาน & คีร์กีซสถาน 12 วัน
ทัวร์
เอเชียกลาง
ระยะเวลา
12 วัน 10 คืน
สายการบิน
วันเดินทาง
15-26 กันยายน 2565
Hilight

   โกลบอล ฮอลิเดย์ เปิดเส้นทางใหม่สู่ ทะเลสาบทั้งเจ็ด หรือที่เรียกกันว่า 7 Lakes of Fann Mountains เส้นทางนี้ควรค่าแก่การไปเยือน เพราะเป็นเส้นทางธรรมชาติที่มีความดิบและน้อยคนนักที่จะมีโอกาสไปสัมผัสที่นั่น  บนเส้นทางท่องเที่ยวนี้ท่านจะได้สัมผัสถึงธรรมชาติอันงดงามบนเทือกเขาสูงฟานน์ (Fann Mountains) ที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทาจิกิสถาน ทั้งยังเป็นที่นิยมของบรรดาเหล่านักเทรคกิ้งที่ชอบปีนเขาอีกด้วย เทือกเขาแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูง ครอบคลุมพื้นที่ภูเขาสูงหลายยอดอันก่อเกิดวิวทิวทัศน์ที่งดงามตรึงตราอย่างน่าอัศจรรย์ใจครอบคลุมพื้นที่ภูเขาสูงหลายยอดอันก่อเกิดวิวทิวทัศน์ที่งดงามตรึงตราอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ภาพน้ำทะเลสาบสีฟ้าครามอมเขียวมรกตนอนนิ่งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงสีน้ำตาลตัดรับกับท้องฟ้าสีสันสดใสที่สะกดให้ท่านราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งความงดงามและน่าหลงใหลของทะเลสาบทั้งเจ็ด พร้อมกันนี้เราอาสาพาเยือนเมืองโบราณเก่าแก่ที่เป็นส่วนหนึ่งของ เส้นทางสายไหม (Silk Road) เส้นทางการค้าทางบกในอดีตที่พาดผ่านแถบเอเชียกลาง เชิญทำความรู้จักกับ ทาจิกิสถาน เป็นประเทศที่เล็กที่สุดในเอเชียกลางและไม่มีทางออกสู่ทะเล พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ซึ่งพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศอยู่ในระดับความสูงกว่า 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำ ทะเลในบริเวณพื้นที่ตอนเหนือ ส่วนทางตอนใต้มีพื้นที่ต่ำ ที่นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมที่ลัดเลาะไปตามถนนบนที่ราบเชิงเขา คือ อีกเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก 
   โกลบอล ฮอลิเดย์ นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวแนวธรรมชาติเคล้าวัฒนธรรมถิ่นเอเชียกลาง ณ คีร์กีซสถาน ท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศความบริสุทธิ์ของธรรมชาติระหว่างการเดินทาง ตลอดจนพบปะผู้คนท้องถิ่นที่มีอัธยาศัยไมตรีเป็นมิตรอย่างยิ่ง คีร์กีซสถาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกติดกับทะเล และมีเมืองหลวงที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศที่มีชื่อว่า “บิชเคก” แต่เดิมทีเรียกว่า “ฟรุนเซ” ตั้งอยู่ทางตอนบนของประเทศ ในอดีตที่นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งทวีปยูเรเซีย ทำให้ประเทศแห่งนี้มีภาษา ศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานความเป็นเอเชียกับความเป็นยุโรปคละเคล้ากันและเต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามอย่างลงตัวเสมือนเป็น “ดินแดนสวิสน้อยแห่งเอเชียกลาง” ก็ว่าได้

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    กรุงเทพฯ
    • 20.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ ประตูทางเข้า 7 แถว M โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน

      23.00 น. เหินฟ้าสู่ อิสตันบูล โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบิน TK069 (2300-0515+1)
      (ใช้เวลาบิน 10 ชั่วโมง 15 นาที) (บริการอาหารบนเครื่อง)
  • Day 2
    อิสตันบูล - ดูชานเบ
    • 05.15 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอิสตันบูล ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองพร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ เรียบร้อยแล้ว นำท่านเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน โซมอนแอร์ (Somon Air) อีกครั้ง

      10.45 น. เหินฟ้าสู่ ดูชานเบ โดยสายการบิน Somon Air เที่ยวบิน SZ104 (1045-1745) (ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง) (บริการอาหารบนเครื่อง)

      17.45 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติดูชานเบ ประเทศทาจิกิสถาน หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองพร้อมรับกระเป๋าสัมภาระแล้ว คณะเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงเพียง 3 กิโลเมตร
      (กรุณาปรับนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น เวลาที่ทาจิกิสถาน ช้ากว่า เวลาที่ประเทศไทย 2 ชั่วโมง)

      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก HILTON HOTEL 5*, DUSHANBE หรือเทียบเท่า
  • Day 3
    ดูชานเบ - คูจานด์
    • เช้า    รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      วันนี้เดินทางลัดเลาะไปยัง เมืองคูจานด์ (Khujand) ตั้งอยู่ทางภาคเหนือสุดของประเทศ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดซูกด์ (Sughd) (ระยะทาง 305 กิโลเมตร // 5 ชั่วโมง 30 นาที)
          เมืองคูจานด์ เป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากเมืองหลวงดูชานเบ มีแม่น้ำซีดาร์ยาไหลพาดผ่าน เป็นเมืองเก่าแก่โบราณอายุกว่า 2,500 ปีตั้งแต่สมัยจักรวรรดิเปอร์เชียอคีเมนียะห์ (550-330 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และเคยถูกครอบครองโดยอเล็กซานเดอร์มหาราชราว 329 ปีก่อนคริสตกาล คูจานด์ถือเป็นเมืองเก่าแก่สำคัญแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหม ในหน้าประวัติศาสตร์ของคูจานด์เมืองนี้เคยถูกปกครองโดยชาวอาหรับ (ช่วงคริสตศตวรรษที่8)  และชาวมองโกลในยุคของกษัตริย์ติมูร์ (Timur) ผู้รวบรวมดินแดนแถบเอเชียกลาง (ช่วงคริสตศตวรรษที่13) ต่อมาถูกรัสเซียเข้ายึดครองและปกครองเรื่อยมาและได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองนี้เป็น “เลนินอบาด” ตั้งแต่ปีค.ศ.1936-1991 หลังจากนั้นสหภาพโซเวียตล่มสลายก็กลับมาใช้ชื่อเมืองคูจานด์ดังเดิมในปีค.ศ.1992

      กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย         นำท่านชมสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองคูจานด์ คือ ป้อมปราการคูจานด์ (Khujand Fortress) ตามหลักฐานทางโบราณคดีถูกค้นพบว่าป้อมปราการแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วง 4-5 ศตวรรษก่อนคริสตกาล ป้อมปราการและเมืองคูจานด์ก็ถูกพัฒนาเจริญมากขึ้นและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลา โดยมีตัวปราสาทเป็นดั่งศูนย์กลางของเมือง อย่างไรก็ดีป้อมปราการแห่งนี้ก็ถูกทำลายลงจากพวกที่เข้ามารุกรานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ได้บูรณะขึ้นมาใหม่ทุกครั้งไป ที่นี่เจงกิสข่านก็ยกทัพมาตีเช่นกันในช่วงปี ค.ศ.1219-1220 ในอดีตป้อมปราการนี้มีกำแพงล้อม รอบเมืองครอบคลุมพื้นที่กว่า 125 ไร่ พร้อมทั้งมีคูน้ำรอบเมืองอีกด้วย ป้อมปราการคูจานด์ได้ชื่อว่าเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งตีได้ยากแห่งหนึ่งในแถบเอเชียกลาง ปัจจุบันที่ท่านจะได้เห็นคือเกิดจากการบูรณะและสร้างใหม่ แต่ตัวกำแพงเมืองบางส่วนยังเป็นของเดิม  จากนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งซูกด์ (Historical Museum of Sughd) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณป้อมปราการ เพื่อเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ของคูจานด์อย่างเข้าใจลึกซึ้ง พิพิธภัณฑ์นี้ก็ได้รวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆที่เก่าแก่และมีคุณค่าบ่งบอกเรื่องราวในอดีตในแถบเอเชียกลางได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับตามแบบประเพณี เป็นต้น และที่นี่ยังมีไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดชม คือ ภาพโมเสกหินอ่อนที่เก่าแก่ตั้งแต่ยุคสมัยกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช  
      นำท่านชม ตลาดปันชานเบ บาซาร์ (Panjshanbe Bazaar) ซึ่งเป็นตลาดพื้นเมืองขนาดใหญ่ที่มีสีสันและคึกคักมากที่สุดในเมืองคูจานด์ ทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและโดดเด่นไปด้วยสถาปัตยกรรมตัวอาคารที่มีสีสวยสดสะดุดตา ภายในมีเสาอาคารสไตล์นีโอ-คลาสสิกตั้งเรียงเป็นแถวยาวรับน้ำหนักโค้งหลังคาอย่างสวยงาม ซึ่งสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1964 คำว่า ปันชานเบ (Panjshanbe) ภาษาทาจิก แปลว่า วันพฤหัสบดี ดังนั้นตลาดนี้จะคึกคักมากเป็นพิเศษในวันพฤหัสบดี และได้ชื่อว่าเป็นตลาดพื้นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของทาจิกิสถาน เพราะที่นี่มีสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือกซื้ออย่างเพลิดเพลิน
       
      เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก PARLIAMENT PALACE HOTEL 4*, KHUJAND หรือเทียบเท่า
  • Day 4
    คูจานด์ - อิสตาราพชาน - เพนจิเค้นท์
    • เช้า    รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
         ออกเดินทางสู่ เมืองอิสตาราพชาน (Istaravshan) (ระยะทาง 80 กิโลเมตร // 1 ชั่วโมง 15 นาที) เป็นเมืองเก่าแก่โบราณในเอเชียกลางที่มีอายุกว่า 2,500 ปีใกล้เคียงกับเมืองคูจานด์ ถูกสร้างขึ้นสมัยจักรวรรดิเปอร์เชียอคีเมนียะห์ (550-330 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ในช่วงยุคของกษัตริย์ไซรัสมหาราช ปัจจุบันเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งของเมืองที่โดดเด่นด้านการค้าขายและงานช่างฝีมือ
         นำท่านชม ป้อมปราการมัคเทปเป (Mug Teppe Fortress) คาดการณ์ว่าป้อมปราการเดิมถูกสร้างขึ้นครั้งแรกโดยกษัตริย์ไซรัสมหาราชในช่วง 550  ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพราะเหลือเพียงซากกำแพงและป้อมปราการบางส่วน ในช่วงปีค.ศ. 2002 ได้มีการบูรณะสร้างประตูเข้าป้อมขึ้นมาใหม่ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการครบรอบ 2,500 ปีแห่งการสร้างเมืองอิสตาราพชาน ในบริเวณนี้ท่านสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเบื้องล่างและวิวเทือกเขาที่ทอดตัวเป็นแนวยาวจากด้านบนได้อย่างสวยงาม  
         นำท่านชม ตลาดท้องถิ่น (Istaravshan Local Bazaar) ที่นี่เป็นแหล่งผลิตงานช่างฝีมือหลายแขนงที่มีชื่อเสียง อาทิ งานเหล็ก งานแกะสลักไม้ งานปั้นหม้อ งานเซรามิค เป็นต้น พร้อมพาเดินชมตลาดสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนและเลือกซื้อผลไม้สดและผลไม้อบแห้งเอาไว้ทานเล่นระหว่างการเดินทาง
         นำท่านชม มัสยิดฮาซรัตชาห์ (Hazrat Shah Mosque) เป็นมัสยิดและเป็นสุสานที่เก็บศพของบรรดาพี่น้องของท่านกุสแซม อิบ แอ๊บบาส (Kusam ibn Abbas) ซึ่งท่านกุสแซมเป็นญาติของศาสดามูฮัมหมัด โดยปกติแล้วท่านน่าจะต้องถูกฝังเก็บไว้ที่สุสานใหญ่ซาฮิซินดาที่เมืองซาร์มาคานด์ประเทศอุซเบกิสถานเหมือนบุคคลสำคัญทางศาสนาท่านอื่นๆ โครงสร้างอาคารของมัสยิดนั้นงามสง่าโดดเด่นด้วยลวดลายอิฐอย่างเรียบหรู ส่วนเพดานก็ทาสีตกแต่งลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง ในส่วนของสุสานเดิมแรกเริ่มสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 แต่ปัจจุบันที่เราเห็นกันอยู่ถูกปรับปรุงสร้างขึ้นใหม่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 
          นำชม มาดราซ่าสุลต่านอับดุลลาทีฟ (Medressa of Abdullatif Sultan) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Kok Gumbaz จุดเด่นคือโดมสีฟ้า เป็นโรงเรียนสอนศาสนาที่เก่าแก่ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเกรียงไกรของอาณาจักรติมูร์ที่แผ่ขยายมาไกลถึงอิสตาราพชาน เพราะมาดราซ่าแห่งนี้ได้ใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์มูติริดที่ท่านสามารถพบเห็นได้ง่ายโดยเฉพาะในอุซเบกิสถาน และที่สำคัญคือ โรงเรียนสอนศาสนายังคงใช้งานอยู่จริงโดยยังคงรักษาสภาพความสมบูรณ์ไว้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นลวดลายกระเบื้องที่บริเวณประตู แท่นขานละหมาดบุเงินดั้งเดิม และยอดโดมสีฟ้า เป็นต้น 
          แล้วนำท่านเดินทางไปทางทิศใต้ของเมืองอิสตาราพชานราว 5 กิโลเมตร เชิญพบกับ Bust of Leninรูปปั้นครึ่งตัวของเลนินที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าอกมีขนาดอย่างน้อย 20 เมตร มือยาว 5 เมตร นิ้วก้อยมีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตร รูปปั้นครึ่งตัวตั้งอยู่บนริมอ่างเก็บน้ำที่มีอายุตั้งแต่สมัยโซเวียตปกครอง หากได้มาเยือนทาจิกิสถานแล้ว ก็ควรแวะเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้

      กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย          ออกเดินทางต่อสู่ เพนจิเค้นท์ (Penjikent or Panjakent) (ระยะทาง 185 กิโลเมตร // 3 ชั่วโมง) อดีตเคยเป็นเมืองศูนย์กลางหนึ่งของอาณาจักรซอคเดียน (Sogdian) ตรงบริเวณหุบเขาที่ราบลุ่มแม่น้ำซีรัฟชาน (Zeravshan River Valley) <อาณาจักรซอคเดียน คือ อาณาจักรเก่าแก่ของอิหร่านในช่วงยุค 600 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 11 เป็นชนกลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่ในแถบเอเชียกลางและนับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ ปัจจุบันคือบางส่วนของคาซัคสถาน ทาจิกิสถาน และอุซเบกิสถาน> ที่นี่จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของทาจิกิสถานอีกแห่งหนึ่งที่ต้องมาเยือนเพราะได้ค้นพบซากอารยธรรมของซอคเดียนและศาสนาโซโรอัสเตอร์ ปัจจุบันเป็นเมืองหน้าด่านประตูสู่อุซเบกิสถาน
         นำท่านชม พิพิธภัณฑ์รูดากิ (Rudaki Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์สถานที่สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1958 ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 1,100 ปีของนักกวีที่มีชื่อ เสียงนามว่า อาบู อับดุลเลาะห์ รูดากิ เขาเกิดในปีค.ศ.858 ที่เพนจิเค้นท์และเสียชีวิตลงในปี ค.ศ.941 เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งบทกวีเปอร์เซีย” เป็นอาคารชั้นเดียวที่มีการแบ่งโซนจัดแสดงเป็น 8 โถง นิทรรศการที่น่าสนใจ อันได้แก่ โถงรูดากิ  โถงธรรมชาติ โถงซารามซ์ โถงเพนจิเค้นท์โบราณ โถง โซมานิดส์ โถงชาติพันธุ์วิทยา โถงอิสรภาพ และโถงวิถีชีวิตสมัยใหม่ เป็นต้น ซึ่งท่านจะได้พบเห็นโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดค้นพบจากเมืองโบราณทั้งสองแห่ง รวมถึงสิ่งทอและเครื่องแต่งกายในอดีต ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่พบในเมืองเพนจิเค้นท์และเครื่องมือยุคหินใหม่ในเมืองโบราณซารามซ์  
          จากนั้นนำท่านแวะชม มัสยิดเก่าแก่ของเพนจิเค้นท์ และพาเดินสำรวจชม ตลาดท้องถิ่น สัมผัสบรรยากาศการจับจ่ายซื้อของแบบพื้นเมืองของชาวเพนจิเค้นท์ นำท่านชม เมืองโบราณซารามซ์ (Saramz Ancient City) ซากเมืองโบราณต้นแบบของสังคมเมือง มีอายุเก่าแก่กว่า 5,500 ปีที่เพิ่งขุดค้นพบในปีค.ศ.1975 โดยองค์การยูเนสโก้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 2010

      ค่ำ     รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก UMARION HOTEL 3*, PENJIKENT หรือเทียบเท่า
  • Day 5
    เพนจิเค้นท์ - ทะเลสาบทั้งเจ็ด - เพนจิเค้นท์
    • เช้า     รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      ออกเดินทางไปชมทะเลสาบเล็กๆที่มีความสวยงดงามสีน้ำเงินครามและสีมรกตทั้งหมด 7 แห่งที่อยู่ในเทือกเขาฟานน์ (Fann Mountains) รู้จักในชื่อว่า ทะเลสาบทั้งเจ็ด (Seven Lakes) อันได้แก่ Mizhgon, Soya, Hushyor, Nofin, Khurdak, Marguzor & Hazorchashma อิสระให้ท่านได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์และเก็บภาพของทะเลสาบตามอัธยาศัย 

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวันแบบปิคนิค บริเวณริมฝั่งทะเลสาบ
          หลังจากเที่ยวชมทะเลสาบทั้งเจ็ดอย่างเพลิดเพลินและชาร์จพลังบวกจากธรรมชาติแห่งขุนเขาแบบเต็มอิ่มแล้ว เมื่อได้เวลาพอสมควรช่วงบ่ายแก่ๆ นำท่านเดินทางกลับไปยังเมืองเพนจิเค้นท์อีกครั้ง 

      เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก UMARION HOTEL 3*, PENJIKENT หรือเทียบเท่า
  • Day 6
    เพนจิเค้นท์ - ดูชานเบ
    • เช้า     รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
         เดินทางกลับสู่ ดูชานเบ (Dushanbe) (ระยะทาง 230 กิโลเมตร // 5 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศทาจิกิสถาน ส่วนคำว่า “ทาจิกิสถาน” หมายถึง "ดินแดนแห่งชาวทาจิก" (Tajiks)ระหว่างทางกลับ ท่านสามารถชมทิวทัศน์ของเทือกเขาฟานน์ตลอดสองข้างทาง รถจะแล่นผ่านเข้าสู่ อุโมงค์แอนซอบ (Anzob Tunnel) ณ ความสูง 2,720 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อุโมงค์แห่งนี้เป็นอุโมงค์ยาว 5,040 เมตรและเปิดใช้งานครั้งแรกในปีค.ศ. 2006 ได้ชื่อเรียกว่า อุโมงค์แห่งความกลัว (Tunnel of Fear) เพราะขับรถเข้าไปแล้วจะมีเพียงแสงไฟจากหน้ารถนำทางเท่านั้นและถนนเต็มไปด้วยหลุม แต่ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงแก้ไขใหม่แล้ว อุโมงค์นี้ช่วยลดการเดินทางให้สั้นลงเดิมกว่า 4 ชั่วโมง เป็นอุโมงค์เชื่อมต่อสำหรับการเดินทางระหว่างคูจานด์กับดูชานเบให้สะดวกยิ่งขึ้นบนเส้นทางหลวง M34 (Uzbekistan-Takistan Highway) รถจะแล่นลัดเลาะผ่านบริเวณหุบโกรกธารวาร์ซอบและแม่น้ำวาร์ซอบ (Varzob gorge & Varzob river) กระทั่งเดินทางถึงเมืองดูชานเบ ดูชานเบ (Dushanbe) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศทาจิกิสถาน คำว่า“ดูชานเบ” ในภาษาทาจิก มีความหมายว่า "วันจันทร์"   ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่เป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องตลาดวันจันทร์ 

      กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย          นำท่านชม อนุสาวรีย์อิสมาอิล โซมานี (Ismail Somani) คือ อนุสรณ์สถานของผู้กอบกู้เอกราชให้แก่ประเทศทาจิกิสถาน และ สัญลักษณ์ของการตั้งเมืองนี้ จากนั้นพาเดินชม สวนสาธารณะรูดากิ (Rudaki Park) สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวดูชานเบ ยามค่ำคืนมีน้ำพุดนตรีแสดง และใกล้กันเป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการรัฐบาลแห่งใหม่ พร้อมกันนี้นำชม เสาธงชาติที่สูงที่สุดของโลก ด้วยความสูง 165 เมตรที่ตั้งอยู่ในกรุงดูชานเบและได้รับการบันทึกสถิติโลกลงในกินเนสส์บุ๊คเมื่อปีค.ศ. 2011 แต่ปัจจุบันเสาธงชาติที่สูงที่สุดของโลกด้วยความสูง 170 เมตรจะอยู่ที่กรุงเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกลงในกินเนสส์บุ๊คเมื่อปีค.ศ. 2014
      หากมีเวลาเหลือ นำท่านชม ตลาดบาซ่าร์ (Dushanbe Bazaar or Green Bazaar) สำรวจสินค้าพืชผักผลไม้พื้นเมืองอันหลากหลาย

      เย็น     รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก HILTON HOTEL 5*, DUSHANBE หรือเทียบเท่า
  • Day 7
    ดูชานเบ - อัลมาตี้ (คาซัคสถาน) - บิชเคก (คีร์กีซสถาน)
    • เช้า    รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
      นำท่านชม พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ (Museum of National Antiquities) จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดของประเทศทาจิกิสถาน ภายในจัดแสดงเรื่องราวผ่านวัตถุทางประวัติศาสตร์ร่วมสมัย แต่สิ่งสำคัญที่โดดเด่นที่สุดคือ องค์พระพุทธรูปนอนยาว 13 เมตรที่ได้มาจากเมืองอาจินาเทปเป เมื่อสมควรแก่เวลา เดินทางมุ่งตรงไปสนามบินนานาชาติ ดูชานเบ 

      10.30 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติดูชานเบ เตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศไปสู่ ประเทศคีร์กีซสถาน

      กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น ภายในสนามบิน
      13.30 น. เหินฟ้าสู่ อัลมาตี้ โดยสายการบิน Air Astana เที่ยวบิน KC132 (1330-1610) (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 40 นาที) (บริการอาหารว่างบนเครื่อง)

      16.10 น.   เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน รอเปลี่ยนเครื่องไปเมืองบิชเคก

      17.40 น.   เหินฟ้าสู่ บิชเคก ประเทศคีร์กีซสถาน โดยสายการบิน Air Astana เที่ยวบิน KC109 (1740-1835) (ใช้เวลาบิน 55 นาที) (บริการอาหารว่างบนเครื่อง)

      18.35 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติมานัส ประเทศคีร์กีซสถาน หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองพร้อมรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว พบกับไกด์ท้องถิ่น เดินทางสู่ใจกลางเมืองหลวง 25 กิโลเมตร (กรุณาปรับนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น เวลาที่คีร์กีซสถาน ช้ากว่า เวลาที่ประเทศไทย 1 ชั่วโมง)
          คีร์กีซสถาน เป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคเอเชียกลางและเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล โดยมีพรมแดนติดกับสาธารณรัฐประชาชนจีน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน และอุซเบกิสถาน มีเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดชื่อว่า บิชเคก (เดิมเรียกว่า ฟรุนเซ) คีร์กีซสถานเดิมเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

      ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก HYATT REGENCY HOTEL 5*, BISHKEK หรือเทียบเท่า
  • Day 8
    บิชเคก - โชลพอน อาตา
    • เช้า     รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
         ออกเดินทางสู่ เมืองโชลพอน อาตา (Cholpon Ata) (ระยะทาง 250 กิโลเมตร // 4 ชั่วโมง) เส้นทางนี้รถจะแล่นเลาะเลียบชายฝั่งทะเลสาบทางด้านตอนบนทำให้สามารถชมวิวที่ทอดยาวไปยังทะเลสาบอิสสิก-คูลที่งดงาม คนท้องถิ่นเรียกพื้นที่นี้ว่าเป็นเสมือนไข่มุกทอแสงประกายแห่งเอเชียกลาง เพราะแสงอาทิตย์ที่สาดส่องตกกระทบไปยังทะเลสาบสะท้อนแสงระยิบระยับนั่นเอง ระหว่างทาง จากเมืองบิชเคกถึงเมืองตอคมอค (ระยะทาง 60 กิโลเมตร // 1 ชั่วโมง) นำท่านแวะชม หอคอยบูราน่า (Burana Tower) เป็นหอขานละหมาดขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 โดยกษัตริย์ชาวเติร์กแห่งราชวงศ์คาราคานิดส์ (Karakhanids) ที่ปกครองอยู่ในเอเชียกลางเวลานั้น นี่เป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลือให้เห็นถึงเมืองหลวงเก่าที่มีชื่อว่า บาลาซากัน (Balasagun) ก่อนจะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองคัชการ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในมณฑลซินเจียงของประเทศจีน หอคอยแห่งนี้เดิมมีความสูงประมาณ 45 เมตร แต่ต่อมาราวช่วงคริสต์ศตวรรษที่15 ได้เกิดแผ่นดินไหวจึงทำให้ส่วนสูงลดลงเหลือเพียง 25 เมตร ท่านสามารถเดินไปขึ้นชมวิวทิวทัศน์โดยรอบที่ด้านบนของหอคอย เดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านแทมซี่ (Tamchy Village) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฝั่งทะเลสาบอิสสิก-คูล ระหว่างเมืองเบลลีชี่ (Balychy) และโชลพอน อาตา (Cholpon Ata) บนถนนหลวง A363 เข้าชมการสาธิตวิธีการทำงานหัตถกรรมขนสัตว์ซึ่งเป็นงานที่ผู้หญิงชาวคีร์กีซมีความถนัดและมีฝีมือประณีต รับชมผลงานหัตถกรรมในหมู่บ้านที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทำจากผ้าสักหลาดขนสัตว์ แล้วเดินทางต่อจนถึง เมืองโชลพอน อาตา (Cholpon Ata) เป็นเมืองตากอากาศที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวและพักผ่อนทั้งชาวคีร์กีซและชาวต่างชาติ 

      กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย           นำท่านชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งศิลปะสกัดหิน (Petroglyphs Museum) เป็นสวนหินกลางแจ้งกินพื้นที่บริเวณขนาดใหญ่ ตามข้อสันนิษฐานค้นพบหินหลายขนาดกว่าพันก้อน ก้อนหินมีขนาดตั้งแต่ 30 เซนติเมตรถึง 3 เมตรที่มีการสกัด ตอกเซาะ แกะสลักหินเพื่อให้เกิดเป็นภาพต่างๆ และระบายสีทับที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (800 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ภาพที่สลักบนหิน อาทิเช่น นายพรานกำลังล่าเสือดาวหิมะ ก็เป็นภาพที่ค้นพบที่นี่เป็นแห่งเดียวในแถบเอเชียกลาง หินส่วนใหญ่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และเฉียงเหนือจึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นการทำเพื่อบูชาพระอาทิตย์ ซึ่งแสดงให้เห็นความเชื่อทางจิตวิญญาณของคนโบราณในยุคนั้นแล้วนำชม Rukh-Ordo Spiritual Complex ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งของทะเลสาบอิสสิก-คูล ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.2002 เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร คำว่า Rukh-Ordo ในภาษาคีร์กีซแปลว่า "ศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณ" ศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้เปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้าชมเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณและความรู้ในตนเอง โดยนำเสนอผลงานผสมผสานความหลากหลายทางองค์ประกอบของวัฒนธรรมและศาสนา นอกจากนั้นศูนย์วัฒนธรรมนี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักเขียนชาวคีร์กีซที่มีชื่อเสียง คือ Chingiz Aitmatov

      เย็น     รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก KARVEN FOUR SEASONS HOTEL 4*, CHOLPON ATA หรือเทียบเท่า
  • Day 9
    โชลพอน อาตา - ทะเลสาบอิสสิกคูล - หุบเขาโชน เคมิน - บิชเคก
    • เช้า    รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
         นำท่าน ล่องเรือในทะเลสาบอิสสิก-คูล (Issyk-Kul Lake) ใช้เวลาล่องเรือราว 1 ชั่วโมง เป็นทะเลสาบที่อยู่บนเขตเทือกเขาเทียนซานและเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากทะเลแคสเปียน และมีความลึกเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ทะเลสาบแห่งนี้รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้ว่าจะแวดล้อมไปด้วยยอดเขาหิมะปกคลุม แต่ทะเลสาบแห่งนี้ไม่เคยแข็ง จึงได้ชื่อว่า “อิสสิก-คูล” แปลว่า "ทะเลสาบอุ่น" ในภาษาคีร์กีซอำลาทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์แสนสวยใต้ฟ้าคราม แล้วนำท่านเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านโชน เคมิน (Chon Kemin Village) เพื่อชมการสาธิต ขั้นตอนการตั้งกระโจมของชาวคีร์กีซ ซึ่งเป็นเสมือนที่อยู่อาศัยของชาวคีร์กีซ ซึ่งท่านจะได้สัมผัสและเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชาวคีร์กีซ  

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      บ่าย        เดินทางไปยัง หุบเขาโชน เคมิน เป็นสถานที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของคีร์กิซสถาน โดยมีแม่น้ำที่ไหลข้ามคุนไก-อลา ทู และเทือกเขาอิลอิสกี้ อลาทู มีความยาวกว่า 560 กิโลเมตร บริเวณแห่งนี้ได้ถูกอนุรักษ์ให้เป็น อุทยานแห่งชาติโชน เคมิน (Chon Kemin National Park) ซึ่งมีพื้นที่เป็นธรรมชาติสีเขียวชอุ่มและกว้างใหญ่กับความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ป่าที่หายาก หุบเขาแห่งนี้เป็นป่าสนที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์สมุนไพรและเห็ดชนิดต่างๆ ที่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณนี้ มาเติมเต็มประสบการณ์กับ การขี่ม้าสายพันธุ์คีร์กีซแท้ ในทุ่งกว้างกลาบหุบเขา (1 ชั่วโมง) ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบหุบเขาโชนเคมินแห่งนี้บนหลังม้า 
           จากนั้นเดินทางกลับสู่ เมืองบิชเคก (Bishkek) เป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ถือ เป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศคีร์กีซสถาน ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาเทียนซานและหุบเขาชุย (Chuy Valley) มีแม่น้ำชุยไหลผ่าน บิชเคกยังอยู่ในเส้นทางรถไฟสายเตอร์กิสถาน-ไซบีเรีย (Turkestan-Siberian Railway) บิชเคกก่อตั้งยุคข่านอุซเบกที่เคยปกครองบริเวณนี้ โดยสร้างเป็นป้อมปราการดิน เพื่อเป็นจุดแวะพักระหว่างการค้าบนเส้นทางสายไหม ในช่วงยุคที่ถูกปกครองโดยภาพโซเวียตถูกเรียกขานชื่อเมืองเป็น ฟรุนเซ (Frunze) ในปีค.ศ.1962 ครั้นต่อมาสหภาพโซเวียตล่มสลายก็ได้กลับมาใช้ชื่อ บิชเคก เหมือนเดิม  

      เย็น    รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก HYATT REGENCY HOTEL 5*, BISHKEK หรือเทียบเท่า
  • Day 10
    บิชเคก
    • เช้า    รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
        นำท่านชม มัสยิดกลางแห่งเมืองบิชเคก (Bishkek Central Mosque) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกลางภายในมีโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ 2 อัน แขวนจากโดมตรง กลางซึ่งเป็นงานฝีมือแบบออตโตมัน มีความสูง 70 เมตร มีโดมขนาดใหญ่ ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 23 เมตร และสูง 37 เมตร มีการใช้หินอ่อนสีขาวจากตุรกีในการสร้างอีกด้วย อิสระให้ท่านเก็บภาพและเดินชมบริเวณโดยรอบ
        นำท่านจะได้สูดโอโซนกลางใจเมืองที่ สวนสาธารณะแพนฟิลอฟ (Panfilov Park) สัมผัสบรรยากาศรื่นรมย์ เดินชมสวนสวย ชมรูปปั้นสวยงามตามจุดต่างๆอย่างเพลิดเพลิน
      นำท่านเดินชม จัตุรัสกลางอะลาตู (Central Square Ala-too) ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างขึ้นเพราะบิชเคกเป็นเมืองหนึ่งบนเส้นทางสายไหม โดยมีรูปปั้น Erkindik ที่แปลว่า อิสรภาพ ตั้งอยู่ตรงกลางจัตุรัสซึ่งถูกนำมาวางไว้ในปีค.ศ. 2003 แทนที่รูปปั้นของเลนิน 

      กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      หลังจากนั้นผ่านชม อาคารรัฐสภา (Philarmonic Hall) และแวะถ่ายรูปต่อไปที่ อนุสรณ์สถานของท่านมานัส (Manas Monument) บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศคีร์กีซสถาน และอิสระให้เดินเที่ยวชมตลาดท้องถิ่น โอช บาซาร์ (Osh Bazaar) ตลาดเก่าแก่คู่เมืองบิชเคก ที่นี่ท่านจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวคีร์กีซที่มีสีสันของคนพื้นเมืองจริงๆ

      เย็น   รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
      เข้าสู่โรงแรมที่พัก HYATT REGENCY HOTEL 5*, BISHKEK หรือเทียบเท่า
  • Day 11
    บิชเคก - อิสตันบูล
    • เช้า     รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 
      หลังอาหารเช้า เดินทางมุ่งตรงไปสนามบินนานาชาติมานัส 

      07.30 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติมานัส เตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศไปสู่ประเทศตุรกี

      10.10 น. เหินฟ้าสู่ อิสตันบูล โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบิน TK345 (1010-1300) (ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง 50 นาที) (บริการอาหารบนเครื่อง)

      13.00 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอิสตันบูล รอเปลี่ยนเครื่องบิน เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางกรุงเทพฯ
       
      เย็น   อิสระรับประทานอาหารเย็น ภายในสนามบิน
  • Day 12
    อิสตันบลู - กรุงเทพฯ
    • 01.45 น.  เหินฟ้าสู่ กรุงเทพ ประเทศไทย โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK068 (ใช้เวลาบิน 9 ชั่วโมง 40 นาที)  (บริการอาหารบนเครื่อง)

      15.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
Top